Hopping in Khao Yai
ธีมโฮเทลแห่งเทพนิยายสุดพิศวง
______________
รีวิวโรงแรมฉบับสมบูรณ์
Hotel Labaris Khao Yai
( โฮเทล ลาบาริส เขาใหญ่ )
1
INTRO
ชวนคุณเปิดประตูแห่งจินตนาการ กลางผืนป่ามรดกโลก พร้อมปลุกวิญญาณผจญภัยให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ณ ‘โฮเทล ลาบาริส เขาใหญ่’ อาณาจักรเขาวงกต ธีมโฮเทล (Theme Hotel) ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความใคร่รู้ เซอร์ไพรส์ และโรแมนติก ซึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ทว่าลึกลับ ณ ริมถนนธนะรัตน์ กม.16 ปากช่อง จ.นครราชสีมา
จากมนต์เสน่ห์เขาใหญ่ในความทรงจำ สู่ดินแดนเขาวงกตสุดอัศจรรย์ อันมีตำนานแห่งความฝัน ความจริง และจินตนาการหลอมรวมกันอย่างบริบูรณ์ พร้อมให้เหล่านักเดินทางทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ร่วมผจญภัยครั้งใหม่อย่างมหัศจรรย์ใจ อีกทั้งดินแดนแห่งนี้ยังร่ายมนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเร้น ผ่านการออกแบบทางสถาปัตยกรรมได้อย่างน่าฉงนชวนใหลหลงเป็นที่สุด ราวกับหลุดไปในโลกแห่งเทพนิยายจริง ๆ
2
The Secret of Labaris
ความหลงใหลในเขาใหญ่ ที่แต่ละฤดูกาล แต่ละช่วงเวลามีมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างกันไปซ่อนอยู่ คือคีย์เวิร์ดสำคัญที่นำไปสู่ การตีความบริบทของดินแดนหุบเขาแห่งความสุขนี้ ในรูปแบบที่แปลกใหม่ และแตกต่าง กลายเป็นคอนเซ็ปต์ ‘เขาวงกต’ ที่เชื่อมภาพเขียวขจีในความความทรงจำ ประกอบเข้ากับจินตนาการแห่งเทพนิยาย
ถ่ายทอดเป็นตำนานแห่งเขาวงกต ที่แฝงนัยยะสื่อถึงความลึกลับ ความเขียวชอุ่ม และความน่าอัศจรรย์ หลอมรวมเป็นมิติการตีความบริบทเขาใหญ่ ในเชิงคอนเซ็ปต์ที่สร้างเอกลักษณ์โดดเด่นและดึงดูด ประกอบกับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมแฟนตาซีเลื่องชื่อระดับโลกอย่าง Harry Potter และ Alice in Wonderland นำไปสู่การรังสรรค์ประสบการณ์พักผ่อนสุดพิเศษ แฝงความตื่นเต้น ชวนหลงใหลไว้ในทุกองค์ประกอบ
ตั้งแต่ชื่อของโรงแรม ซึ่งเป็นรากศัพท์ของคำว่า Labyrinth หมายถึงเขาวงกต การร่างตำนานเขาวงกตแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เนรมิตเป็นเรื่องราวการผจญภัย ในอาณาจักรปกครองของคิงมิโนทอร์ โดยทีมสตูดิโอ be>our>friend อีกหนึ่งทีมดีไซน์ที่เข้ามาช่วยเสกสรรค์ ร้อยเรียงเรื่องราวให้โลกความจริง และโลกแห่งจินตนาการเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยแบ่งเรื่องราวการผจญภัยเป็น 5 Chapter อันประกอบไปด้วย Welcome Zone, The Heart of Labyrinth, Explore The Secret Room, The Beauty of Romance และ The Meander Wonder เสมือนเราได้ค่อย ๆ ไล่เปิดหนังสือเทพนิยายไปทีละหน้าทีละบท ผ่านการบอกเล่าของสัตว์วิเศษต่าง ๆ อย่างอบอุ่นและเป็นมิตร
3
Welcome Zone
‘Rabbit Cafe’
จากปัจฉิมบท พาคุณย้อนสู่ปฐมบทแห่งลาบาริส ‘Chapter 1 : Welcome Zone’ คงความลึกลับแม้กระทั่งคาเฟ่ ซึ่งเป็น Public Area แต่กลับซ่อนตัวอยู่หลังเนินเขา อีกหนึ่งความเซอร์ไพรส์ของอาณาจักรลาบาริส กับ คาเฟ่โพรงกระต่าย ‘Rabbit Cafe’ ซึ่งอยู่ในเรื่องราวตอนที่ 1 บทตอนนี้รังสรรค์พื้นที่สนุก ชวนวิ่งเล่นสำหรับเด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสซึมซับบรรยากาศเขาใหญ่อย่างแท้จริง อีกทั้งในโซนนี้จะมีทุ่งดอกไม้แสนสวยหลากสี ชวนเพลินตาเพลินใจด้วย
ภายในใช้โทนสีขาวนวลตา และใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งหมด เพื่อเน้นความเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ เติมความอบอุ่นด้วยแสงแดด ที่ส่องผ่านกระจกบานใหญ่ ทั้งคิวท์และอบอวลไปด้วยความอร่อยในฉบับ Heart Made ให้คุณเพิ่มความสดชื่นใจไปกับหลากหลายเมนูเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบ และนานาเค้ก/เบเกอรี่สดใหม่ทุกวัน
ตามตำนานของลาบาริส Rabbit Cafe แท้จริงที่นี่เป็นถิ่นที่อยู่ของเหล่าสัตว์วิเศษตัวน้อย ซึ่งเป็นตัวแทนความสนุกสนาน สดใสของเด็ก ๆ หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่าสัตว์วิเศษแต่ละสายพันธุ์ที่เร้นกายอยู่ในอาณาจักรเขาวงกต ล้วนผ่านการรีเสิร์ชข้อมูล เพื่อคัดเฟ้นสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในทุ่งเขาใหญ่จริง ๆ
อีกทั้งเลือกคาแรกเตอร์ให้เหมาะกับ Chapter ด้วย อย่างใน Welcome Zone นี้ จะมี Elis Horn Sentry และ Elk Horn Sentry หัวเป็นเก้ง หูและตัวเป็นเลียงผา, Fire Eater ขนและหางเป็นอีเห็นลายเสือ ตัวเป็นเม่น และ Lapin Horn หัวและตัวเป็นกระต่าย ส่วนหางเป็นกระรอก
4
The Heart of Labyrinth
ก่อนอื่นเราต้องแจ้งให้นักเดินทางทุกท่านได้ทราบโดยทั่วกันว่า ในอาณาจักรลาบาริสแห่งนี้ มีคำศัพท์ที่ใช้เรียกขานเฉพาะ ซึ่งจะทำให้คุณตะลุยดินแดนแห่งนี้อย่างเพลิดเพลินยิ่งขึ้น อาทิ ผู้ดูแล (พนักงานในโรงแรม), นักเดินทาง (ผู้เข้าพัก), กุญแจนำทาง (คีย์การ์ด) และห้องพำนัก (ห้องพัก)
ทั้งนี้การผจญภัยที่แท้จริง จะยังเริ่มต้นขึ้นไม่ได้ หากไร้ซึ่งกุญแจนำทาง ซึ่งผู้ดูแลเป็นผู้เก็บรักษาไว้ เพียงเดินตรงจากเส้นทางหลักเข้ามาด้านใน เพื่อเข้าสู่ใจกลางดินแดนอันเป็นที่ตั้งของ ‘Labaris Greeting’ ล็อบบี้ในโทนสี Navy ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศาลาว่าการเมืองในยุโรป ซึ่งมักตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเปิดโล่งเป็นแบบ Open Air เพื่อให้ได้สัมผัสสายลมที่พัดผ่าน ไออุ่นจากแสงแดด อีกทั้งได้สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มปอด
จากนี้ไปก็ได้เวลาออกสำรวจตำนานแห่งลาบาริส ณ ดินแดนเขาวงกตนี้กันแล้ว ดินแดนที่เหล่านักเดินทางต่างเล่าขานกันว่า … หากมาแล้วไม่หลง เหมือนมาไม่ถึง Labaris ด้วยการผนึกพลังอภินิหารของเหล่าทีมสถาปนิก CHAT Architects, ทีมภูมิสถาปนิก Shma landscape architects, ทีมตกแต่งภายใน C&C Interiors และทีมไลท์ติ้ง Goodlux lighting design ฉีกขนบการออกแบบแบบเดิม ๆ เติมแต่งประสบการณ์เหนือความคาดหมาย แทรกคอนเซ็ปต์เขาวงกตเอาไว้ทั่วทั้งพื้นที่กว่า 15 ไร่ ทั้งยังจัดแบ่งพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับเรื่องราวแต่ละบทตอน
Starry Castle & Midnight Castle
ปราสาทหินอ่อนทรงแปลกตา Starry Castle ( ปราสาทดารา ) และ Midnight Castle ( เรือนรัตติกาล ) มองเผิน ๆ แลดูคล้ายปราสาทโกธิคอันโออ่า ด้วยมีความสูง โปร่ง สว่าง และมีวงโค้งแหลมเป็นเอกลักษณ์
ทว่าแท้จริงนั้นได้นำสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น อย่างหลังคาหน้าจั่วของเรือนไทย ผสมผสานไว้อย่างแนบเนียน อีกทั้งปราสาทแต่ละหลังยังมีดีไซน์ไม่ซ้ำกันด้วย หากลองไล่สายตาไปยังประตูแต่ละบาน จะพบว่าต่างล้วนมีดีไซน์ที่ไม่ซ้ำกันเลย อีกทั้งดีไซน์ภายในห้องทั้ง 60 ห้อง 3 รูมไทป์ ( Deluxe Room, Grand Deluxe Room, Duplex Room ) ก็ไม่เหมือนกันเลยสักห้องด้วย!!
มิติของเส้นโค้ง หรือการหยิบใช้ซุ้มโค้ง (Arch) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของงานสถาปัตยกรรมยุโรป นอกจากสร้างความอลังการได้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว ยังเพิ่มมิติให้กับสเปช คล้ายเส้นทางที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด
ในส่วนของวัสดุหลักของอาคาร ทำมาจากหินอ่อนเทียม ปูนเปลือย เหล็ก ผสานด้วยไม้ กระจก อีกทั้งนำเศษหินอ่อนในท้องถิ่นมาใช้ด้วย เมื่อประกอบรวมกันแล้ว สร้างความกลมกลืนกับธรรมชาติที่รายล้อมได้อย่างน่าพิศวง นอกจากนี้ยังได้ออกแบบทิศทางลม – แสงแดด โดยครีเอททางเดินหลักเป็นเส้นตรงผ่ากลางอาณาจักรลาบาริส เพื่อให้สายลมพัดผ่านเย็นสบายทุกฤดูกาล พลางดื่มด่ำวิวแนวเขา ที่ขนาบทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างอิ่มอารมณ์
‘DUPLEX ROOM’
ตัดขาดจากความวุ่นวายภายนอกราวกับชีวิตในฝัน บรรยากาศภายในห้องพำนักไทป์ Duplex Room เสิร์ฟพื้นที่อย่างจุใจ 65 ตร.ม. และมี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นพื้นที่สำหรับเวลาที่ร่างกาย ต้องการเปิดโหมด Zzzz
ส่วนชั้นล่างเป็นห้องรับแขก และห้องน้ำ มีการตกแต่งภายในที่คล้ายคลึงกับรูมไทป์อื่น ๆ ในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค หรูหรา เรียบง่าย สบายตา อบอุ่น ภายในห้องน้ำ จัดวางองค์ประกอบสมดุลแบบสมมาตร (Symmetry) เสมือนมีกระจกตั้งอยู่กึ่งกลาง ให้ความรู้สึกมีพลัง และมั่นคง
5
Explore The Secret Room
มาสำรวจ Chapter ถัดไปกันเลยดีกว่า กับหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และภาพลวงตา ออกเดินทางจากห้องพำนักส่วนแรกได้ไม่นาน และแล้วก็เดินทางมาถึง Infinite Forest สวนอันไร้ขอบเขต สวนลวงตาที่เสมือนมีกระจกติดตั้งไว้กลางสวน สร้างมุมมองที่ไม่มีที่สิ้นสุด เพิ่มความเป็นส่วนตัว ให้ความรู้สึกกึ่งฝันกึ่งตื่น และความมหัศจรรย์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ซ่อนเร้นอยู่ในดินแดนแห่งนี้
อีกทั้งในอาณาเขตลึกลับนี้ ยังแอบซ่อน Infinite Villa หมู่บ้านลึกลับที่หลบซ่อนอยู่ พร้อมเสกความสุข สงบ เป็นส่วนตัว ด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัวที่เปิดประตูไปแหวกว่ายเมื่อไรก็ได้ พร้อมต้อนรับนักเดินทางทุกขวบวัย มีจำนวน 10 หลังด้วยกัน แบ่งเป็น Infinite Villa 1-Bedroom (130 ตร.ม.) และ Infinite Villa 2-Bedroom (300 ตร.ม.)
‘Infinite Villa 1-Bedroom’
ไขกุญแจนำทางเข้ามายังห้องพำนัก Infinite Villa 1-Bedroom เสิร์ฟพื้นที่ใช้สอยสะดวกครบครัน ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค เรียบง่าย สบายตา หรูหรา แต่ชวนอบอุ่นด้วยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ อาทิ พื้นไม้ ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ
ในส่วนของ ‘ห้องน้ำ’ นอกจากเสิร์ฟสเปชกว้างขวางจุใจ ยังดีไซน์พื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจน เพื่อให้ใช้สอยสะดวก อย่างโซนแห้งเราสามารถใช้อ่างล้างมือ และโถสุขภัณฑ์ไปพร้อม ๆ กันได้ ไม่ต้องรอต่อคิวในยามที่ใครคนหนึ่ง ต้องการทำภารกิจส่วนตัวอย่างกะทันหัน
6
Tracking The Beauty of Romance
ไม่รอช้า พาออกไปผจญภัยต่อโดยพลัน ถัดจากนี้ชวนคุณเดินออกจาก Infinite Villa เพื่อไปยัง Chapter 4 : Tracking The Beauty of Romance กับมื้อแห่งความสุขในห้องอาหาร ‘The Fable Feast Meat & More นี้ สุดพิเศษตั้งแต่การได้นั่งรับประทาน อยู่ในอาคารที่แฝงสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นไว้ หยิบรูปลักษณ์ของเรือนไทย มาลดทอน – ถอดรูป ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกันกับที่ใช้ออกแบบปราสาททรงแปลกตาด้านหน้าด้วยกันเอง
พร้อมเสิร์ฟมื้อสุดพิเศษสไตล์ Grill Bar and Thai Cuisine คัดสรรเนื้อชั้นดีจากทั่วโลก เพื่อรังสรรค์เนื้อสเต็กที่ไม่เหมือนใคร รวมไปถึงจานทวิสต์และไทยฟิวชั่น ในคอนเซ็ปต์ Garden to Table ที่เลือกใช้แต่วัตถุดิบออร์แกนิค พืชผักสมุนไพรท้องถิ่น Edible Flower รวมไปถึงไข่ไก่อารมณ์ดี ฯลฯ
• • •
ซุปครีมข้าวโพดเนื้อปู
ลาบาริส ซิกเนเจอร์ แพลตเตอร์
สปาเก็ตตีซอสกุ้งแม่น้ำไข่เค็มลาวา
สลัดอกเป็ดรมควัน ฟัวย์กราส์และไข่เป็ด
เมนูแนะนำจานแรก คือ เมนูซุปครีมข้าวโพดเนื้อปู (Cream Corn Soup With Crab Meat) หวานละมุน หอมกลิ่นซูปข้าวโพด ได้รสของเนื้อปูกลมกล่อมลงตัว ซึ่งก่อนเสิร์ฟจะมีขนมปังโฟกาเซีย เมนูขนมปังโฮมเมดสไตล์อิตาเลียน ที่เป็นต้นกำเนิดของพิซซ่า
เสิร์ฟต่อกันแบบไม่มีโฆษณาคั่น กับเมนูสปาเก็ตตีซอสกุ้งแม่น้ำไข่เค็มลาวา (Spaghetti Tom Yum Prawn With Caramel Salted Egg) ผสมผสานเมนูเส้นของประเทศอิตาลี ให้มีกลิ่นอายความเป็นไทยด้วยการใส่ใบมะกรูด ผักชีมีรสชาติเข้มข้นคล้ายต้มยำกุ้งน้ำข้น อาหารเลื่องชื่อของประเทศไทย
สำหรับจานต่อไปนอกจากละมุนลิ้น อร่อยเกินร้อย ยังแสดงถึงความใส่ใจในสุขภาพของผู้รับประทานได้อย่างดี กับเมนู สลัดอกเป็ดรมควัน ฟัวย์กราส์และไข่เป็ด (What The Duck Salad) ด้วยเลือกใช้ฟัวย์กราส์พรีเมี่ยม จากประเทศฝรั่งเศส ‘Rougie Foie Gras’ แบรนด์เก่าแก่ชื่อดังที่เชฟทั่วโลกไว้วางใจ เป็ดสายพันธุ์ Moulard ทุกตัวได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน เลี้ยงโดยวิธีธรรมชาติ ได้รับการดูแลจากนักโภชนาการ และทานแต่เมล็ดข้าวโพดที่ปลูกในท้องถิ่นเท่านั้น
ตบท้ายอย่างหอม หวาน นุ่ม อิ่มพอดี ๆ กับเมนู ลาบาริส ซิกเนเจอร์ แพลตเตอร์ (Labaris Signature Platter) ซึ่งประกอบไปด้วย เนื้อหอยเชลล์อเมริกา (US Scallop), กุ้งลายเสือ (Tiger Prawn) ซี่โครงแกะย่าง (Lamp Rack) และเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ (Beef Tenderloin) เสิร์ฟพร้อมซอสรสเด็ด อาทิ ซอสซิกเนเจอร์ เขาใหญ่ ชิมิชูริ, ซอสน้ำจิ้มแจ่วไทย เป็นต้น
7
The Meander Wonderer
อย่าส่งเสียงดังจนทำให้ King Malkin ที่กำลังหลับใหล ตื่นจากภวังค์ มิเช่นนั้นคุณอาจจะต้องไหลวน อยู่ในสายน้ำแห่งนี้อย่างไม่รู้จบ!!
King Malkin สัตว์วิเศษที่ปกป้องคุ้มภัยอยู่ใน Chapter สุดท้ายนี้ มีหน้าและหางเหมือนหมูป่า และมีตัวเหมือนเสือ ชอบแฝงตัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่มีหินกำบัง Normadic Creek คือประสบการณ์สุดตื่นตาตื่นใจใน Chapter นี้ ธารใสในสวนสวยที่ไหลวนอย่างไม่มีวันจบ ให้ความรู้สึกราวกับได้แหวกว่ายอยู่ในลำธารจริง ๆ จึงเป็นที่มาที่ทำให้พื้นที่ตรงนี้ใช้คำว่า ‘Creek’ ซึ่งแปลว่าลำธาร ไม่ใช่คำว่า Pool (สระว่ายน้ำ)
เมื่อมองมุมสูงจะยิ่งเห็นถึงความอินฟินิตี้ (∞) ของ Normadic Creek ได้อย่างเด่นชัด และแทบไม่น่าเชื่อว่าแค่เปลี่ยนมุมมอง จากริมสระว่ายน้ำ ไปอยู่กลางสระว่ายน้ำ จะช่วยเชื่อมมิติความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับธรรมชาติให้ชิดใกล้ได้อย่างน่าประหลาดใจ
สำหรับน้อง ๆ หนู ๆ ที่รักในการผจญภัยกลางผืนน้ำ กระโดดตูมตามได้อย่างปลอดภัยที่ Cub’s Creek สระว่ายน้ำเด็กซึ่งอยู่ติดกับ Normadic Creek เลย และหากเมื่อใดที่คุณได้สำรวจมาจนถึง Endless River หรือคลองลำตะคอง นั่นแปลว่า คุณได้เดินทางมาถึงอาณาเขตสิ้นสุดของดินแดนแห่งเขาวงกตแล้ว